ซีรีย์ Netflix ครบทุกรส ทุกแนว จัดเต็ม จัดหนักทุกซีนอารมณ์

ซีรีย์ Netflix ซีรีส์ยอดฮิตที่ทุกคนรอคอย

ซีรีย์ Netflix  Svaha: The Sixth Finger สวาหะ เลื่อมใสมืด ความน่าดึงดูดใจที่สะดุดคนเขียนตั้งแต่วันแรกของการโปรโมตหนัง เป็นชื่อ อ่านปุบปับก็สัมผัสได้ถึงความแปลกลี้ลับ มีกลิ่นมนต์ขลัง ‘หกนิ้ว’ ดูหนังฟรี บางทีอาจสื่อถึงความเป็นสิ่งแปลกหาได้ยาก แล้วก็ภายหลังจากไปค้นคว้ามา ‘สวาหะ’ เป็นคำมาจากภาษาสันสกฤต ที่มีรากศัพท์แปลตรงตัวได้ว่า ‘กล่าวดี’ ถูกประยุกต์ใช้ในความหมายของการทักหรือยินดีต้อนรับ ถูกเอาไปใช้เอ่ยเป็นคำสร้อยประกอบพิธีบาปบูชาไฟศักดิ์สิทธิ์ตามคู่มือพระเวท

และก็เปลี่ยนมาเป็นบทส่งท้ายในบทสวดมนต์ มีผู้ชำนาญพุทธศึกษาเล่าเรียนเสนอไว้ว่า สวาหะระบุความเป็นองค์เทวดาผู้หญิง เมื่อดูสิ้นเรื่องก็กำลังจะถึงบางอ๋อว่าเพราะเหตุใดก็เลยลงคะแนนเสียงชื่อ ‘Svaha’Svaha: The Sixth Finger สวาหะ เชื่อถือมืดหนังเปิดเรื่องที่ปี 1999 ด้วยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านบ้านนอกเมืองยองวอล จังหวัดคังวอน ได้ให้กำเนิดเด็กฝาแฝดหญิง ดังจะต้องคำสาปแช่ง ท่ามกลางอาเพทที่เกิดกับเหล่าสัตว์เลี้ยง ตัวอย่างเช่น แพะ (ในบางลัทธิจะใช้แพะเป็นสัตว์สังเวย) ฝาแฝดพี่คลอดมาด้วยรูปลักษณ์ครึ่งสัตว์

ตัวปกคลุมด้วยขน คู่แฝดน้องเสมือนคนธรรมดา แม้กระนั้นขามีแผลเหวะหวะซึ่งถูกพี่สาวภูติผีปีศาจกัดรับประทานระหว่างอยู่ในท้องแม่ข้างหลังคลอดแม่ก็ตาย แล้วบิดาก็ตายตามในเวลาถัดมา ตาและก็คุณยายก็เลยเลี้ยง อีกึมฮวา (สวมบทบาทโดย อีแจอิน) แล้วก็คุมขังคู่แฝดพี่เอาไว้ภายในโรงเก็บของข้างหลังบ้านเสมือนขังสัตว์ร้ายมาตลอด 15 ปี ไม่มีการแจ้งกำเนิด ไม่มีผู้ใดได้ประสบพบเห็น (ผู้ชม ก็มองไม่เห็นเช่นกัน เพียงแค่แพลมๆให้ทราบว่าน่าสยอง) มีงูป้องภัยยามผู้ใดกันรุกล้ำใกล้หรือเข้ามาอยากรู้อยากเห็น

กึมฮวาเป็นคนรอส่งของกินทิ้งเอาไว้หน้าร่องประตูโรงคุมขังที่มืดมาก  ซีรีย์ Netflix  คุณยายพึ่งพาอาศัยไสยเวท สวดมนต์ไหว้พระอิงสายคริสต์ คุ้มครองปกป้องกึมฮวามา สาวน้อยขากระเผลกมาตลอด รวมทั้งครอบครัวของคุณก็อยู่กันอย่างเก็บเนื้อเก็บตัว เมื่อใดที่มีปัญหาก็ย้ายบ้านความอิสระของการเชื่อในศาสนา ในปี 2014 สมัยความอิสระของการเชื่อในศาสนา ผู้คนต่างเลือกเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจตามแต่เลื่อมใส มิจฉาชีพก็ซ่อนตัวหาผลประโยชน์ กำเนิดเป็นหน่วยงานหรือสำนักที่ฉ้อฉลอ้างตัวเป็นศาสดาหรือเผยแพร่หลักธรรมปฏิบัติไม่ถูกๆ

ซีรีย์ Netflix 

เป็นเครื่องบังหน้าก่อคดีด้านการเงิน หรือรุกรามความปลอดภัย ก็ถือได้ว่าเป็นอันตรายสังคมอีกแบบหนึ่งที่จะต้องมีผู้ชำนาญเฉพาะด้านช่วยแสวงหา พินิจพิจารณา อันไหนจริงอันไหนเลียนแบบ แล้วก็เผยโฉมให้สังคมได้ทราบกันศาสนจารย์พัคอุงแจ (สวมบทบาทโดย อีจองแจ) ที่สถาบันวิจัยศาสนาตะวันออกไกล เป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่นั้น แม้ว่าจะมีคำขึ้นต้นนามเป็นศาสนจารย์ ก็ใช่ว่าจะเชื่อมั่นในพระหรือศาสนา ที่ทำอยู่ก็เป็นเพียงแค่อาชีพหาเลี้ยงชีพ ที่ทำการเก่าๆเล็กๆของสถาบันก็มิได้มีผู้ใดมากมายไปกว่าตัวเขา ผู้ช่วยลอง (สวมบทบาทโดย ฮวังจองไม่น)

สถานที่สำหรับทำงานธุรการ และก็ ผู้ช่วยภาคสนาม ที่ปฏิบัติหน้าที่สายลับเป็น โยเซฟ (สวมบทโดย เดวิดอี) ความจะต้องอยู่รอดของที่ทำการนี้ ทำให้ ‘เงิน’ เปลี่ยนเป็นวัตถุประสงค์ด้วยเหมือนกัน การเปิดเผยแพร่บทความ ควรจะมีเงินเดือน หรือการเป็นวิทยากร ก็จะและก็ตามด้วยการรับบริจาค ดีกรีความโจษจันจะถูกชงแล้วก็ปั่นตามผลตอบแทน ทำให้เขาตกอยู่ท่ามกลางอีกทั้งความปิติยินดีแล้วก็ความชิงชังของฝูงชนที่ต่างกรุ๊ปกันในสังคม

ศาสนจารย์พัคมีพระบรรพชิตสายพุทธ ซีรีย์ Netflix   ซึ่งเป็นรุ่นน้องยุคเรียน ชื่อ พระแฮอัน (เล่นบทโดย จินชอนคยู) รอช่วยทำให้ข้อเสนอแนะสำหรับการแปลความหมายทางศาสนา หรือข้อมูลในปรัชญาคำกล่าวอบรมสั่งสอน และก็การสอบสวนเรื่องราวสำคัญที่หนังจะเล่าถัดไป พระแฮอันขึ้นตรงต่ออยู่กับสำนักสงฆ์ที่มีหัวหน้าภาควิชาอาวุโส ซึ่งศาสนจารย์พัคไม่ค่อยถูกโฉลกด้วย ก็เลยมักเรียกท่านลับหลังว่า พระหัวปลาหมึก (รับบทบาทโดย ชาซุนกาง) ด้วยเหตุว่าท่านดูเหมือนจะมองดูทะลุเจตนาแอบแฝงของเขาเสมอ

เมื่อศาสนจารย์พัคเริ่มพอใจกรุ๊ปประชุมทางศาสนา’เนินกวาง’ ที่จังหวัดคังวอน ซึ่งเป็นกรุ๊ปเล็กๆที่มองเป็นระเบียบเรียบร้อยผิดสังเกต ยกตัวอย่างเช่น ไม่รับของ ให้แต่ว่าทาน การสืบสืบจนถึงทยอยได้ข้อมูลมาปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า กลุ่มนี้เป็นสายพุทธนิกายวชิรยาน (เป็น พุทธประเทศทิเบต) บูชาแม่ทัพซึ่งเป็นจตุๆโลกบาลผู้รักษาประจำสี่ด้าน ดังเช่น ท้าวดามุน-ทิศเหนือ ท้าวก็เลยจาง-ทิศใต้ ท้าวจีกุก-ทิศตะวันออก ท้าวควางมก-ทิศตะวันตก ซึ่งมีตำนานว่า เหล่าจตุๆโลกบาลนี้เคยเป็นมารทำเลวมาก่อน เมื่อได้เจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

กำเนิดเลื่อมใสและก็เดินตามคำกล่าวสอน ก็เลยหันมาต่อสู้กับความชั่ว เอาชนะการทำศึกที่อสรพิษ ด้วยแสงสว่างที่พระพุทธคุณ จนได้ขึ้นสรวงสวรรค์เป็นพุทธองค์ไปด้วยในตอนที่ตำรวจบังเอิญเจอศพเด็กสาวมัธยมแห้งตายในฝาผนังปูนของทางลอด ในปากศพมีผ้ายันต์ห่อเม็ดถั่วสื่อว่าเกี่ยวกับพิธีการ การพิสูจน์ของผู้กองฮวัง (สวมบทโดย จองจินยอง) เอามาถึงผู้ต้องสงสัย คิมชอลจิน (สวมบทโดย จีซึงฮยอน) ซึ่งเจาะจงที่อยู่ที่สำนักเนินกวาง แม้กระนั้นไม่ทันได้ถึงตัวคิมชอลจิน ก็พบว่าเขากระโดดอาคารฆ่าตัวตายไปซะก่อน

และก็สองเส้นเรื่องก็มาบรรสิ้นสุดกันเมื่อศาสนจารย์พัคเจอข้อเท็จจริงจากการสืบต่อไปเรื่อยว่า คิมชอลจิน นี่แหละ ที่มีความคิดกันว่าตนเองเป็นเทวดาโลกบาลจีกุก ส่วนอีกสองได้เสียชีวิตไปที่ผ่านมาแล้ว ในตอนนี้เหลือแค่ท้าวควางมก ซึ่งเป็น ทุ่งนาฮัน (สวมบทโดย พัคจองไม่น) อีกทั้งสี่คนเคยเป็นเด็กถูกฟ้องฆ่าบิดามารดา รวมทั้งมาอยู่ที่สถานที่พินิจพิเคราะห์ยางจูใน จังหวัดคังวอนแบบเดียวกัน โดยมี คิมเจซอก (รับบทบาทโดย จองป่าดงฮวาน) เป็นบิดาสุดที่รักรับอุปการะเลี้ยงดูเติบโตมาชื่อท้องซาคิมเจซอก เป็นคนเขียนตำราซึ่งศาสนจารย์พัคไปค้นมาได้จากสำนักเนินกวาง

เอามาสู่การค้นหาข้อมูลเพิ่มจากพระปลาหมึกว่า ซีรีย์ Netflix   คิมเจซอกกำเนิดในปี 1899 ที่เมืองยองวอล เขาเป็นที่เชื่อถือจากผู้คนในสังคมทั้งยังทางโลกแล้วก็ทางธรรม เป็นผู้จัดตั้งทงบัตระหนี่โย (เป็นกรุ๊ปสาวกความเชื่อถือหรือนิกาย) ในด้านทางโลกเป็นช่วยชาติในสมัยกู้เอกราชจากประเทศญี่ปุ่น ในทางธรรม เขาอยู่ในสายพุทธวชิรยานที่เผยแพร่ในประเทศญี่ปุ่น ถูกเรียกชื่อเป็นท้องซาคิมเจซอก ที่เป็นผู้ตรัสรู้ บรรลุพุทธภาวการณ์เป็นเทวดา ยังไม่มีผู้ใดรู้ชัดว่ามีชีวิตอยู่หรือเปล่า หรือเป็นอมตะตามคำร่ำลือ มีแม้กระนั้นลูกศิษย์สนิทสนมที่ได้เคยประสบพบเห็นตัว เคยมีข่าวสารว่าเขากำลังจะเขียนคู่มือใหม่ รวมทั้งกำเนิดล่องหนไปก่อน ตั้งแต่ปี 1985 ปีที่เขาได้เจอกับพระเกจิประเทศทิเบตรูปดัง

 

Alchemy Of Souls เล่นแร่แปรวิญญาณ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในดินแดนสมมุติที่มีชื่อว่า อาณาจักรแดโฮ ดินแดนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีพลังเวทเช่นฮอกวอตส์ฉบับประเทศเกาหลีก็ไม่ปาน พวกเขาดำเนินชีวิตเช่นจอมขมังเวทร่วมกับราษฎรปกติ แต่ว่าและจากนั้นก็กำเนิดศาสตร์มืดศาสตร์หนึ่งที่ก่อปัญหา วิญญาณผู้เสียชีวิตสามารถย้ายร่างเข้าไปแทนที่ร่างคนเป็น และก็ยังรวมทั้งยังไม่ตายก็ย้ายร่างกันได้เสียอย่างงั้นด้วยวิชา ‘แปรวิญญาณ’ ซึ่งเรื่องราวมันเริ่มเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาโน่นแน่ะ

จางกัง’ (จูซังอุก) เป็นจอมเวทที่ศึกษาเล่าเรียนวิชาแปรวิญญาณจนกระทั่งเก่ง จำใจเปลี่ยนวิญญาณกับพระเจ้าแผ่นดินที่ป่วยไข้ใกล้ตาย 7 วัน “แปรวิญญาณกันเหอะ ขอเวลา 7 วันแค่นั้นล่ะให้เราได้คล่องแคล่วก่อนตายบ้าง” กษัตริย์ผู้เชื่อมั่นเรื่องดวงดาวว่างี้ แต่ว่าที่จริงแล้วฮีปรารถนามีผู้สืบสกุลสืบทอด เมื่อแปลงร่างกับจางกังเป็นที่เป็นระเบียบเรียบร้อยก็ใช้จังหวะนั้นมีชมรมกับ ‘โดฮวา’ (กางคังฮี) เมียของจางกังจนถึงนางมีครรภ์และก็ให้กำเนิดบุตรออกมากับเขาคนหนึ่งเป็น ‘จางอุก’ (อีแจอุค) แล้วพูดว่า “ถ้าหากโดฮวาตั้งท้องให้ทราบเอาไว้นะว่าลูกที่คลอดออกมาเป็นลูกของเรา”

เวลาผ่านไปไม่นานไอ้วิชานี้ก็ก่อเรื่องให้ผู้คนและก็เหล่าจอมเวทล้นหลาม  ซีรีย์ Netflix   จนถึงควรจะมีการล้อมปราบรวมทั้งกำจัดผู้แปรวิญญาณเนื่องด้วย ผู้แปรปวิญญาณที่ควบคุมตัวเองมิได้จะเปลี่ยนเป็นอสุรกาย ฆ่าได้กระทั่งลูกภรรยาแล้วก็คนสนิท บ้างก็จะต้องรอดูดวิญญาณจากคนเป็นเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตสำนักเวททั้งหลายแหล่ต่างผนึกกำลังสำหรับการกำจัดจนกระทั่งเวลาผ่านไป 20 ปี ได้มีมือสังหารเงานามว่า ‘นักซู’ (โกยุนจอง) ตามฆ่าจอมเวทแบบโกรธแค้นฝังหุ่น เรียกว่าอย่าให้เจอะกันเชียวนะ

เนื่องจากว่าเพียงแค่เธอวิ่งผ่านหัวจอมเวทก็หลุดออกมาจากบ่าได้อย่างง่ายๆหัวหน้าที่สำนักซงขอบก็เลยจัดคณะทำงานชุดใหญ่ตามฆ่านักซู ก็ในเมื่อคนเกินสิบรุมหนึ่งขนาดนี้ จะเก่งกล้าแค่ไหนก็พ่ายได้ไม่ยากนักซูผู้รอบรู้กลยุทธ์วิชาแปรวิญญาณก็เลยหนีตายด้วยการย้ายวิญญาณตนเองไปอยู่ในร่างของผู้อื่น แต่ว่าเหตุแปลกก็เกิดขึ้น เมื่อวิญญาณของหล่อนมิได้เข้าร่างที่เธอเลือก แต่ไปเข้าร่างของ ‘มูด็อกกี’ (จองโซมิน) สาวตาบอดที่ถูกขายไปอยู่หอนางโลม แถมยังอ่อนแอและก็ไม่มีพลังเรี่ยวแรง

“เพราะอะไรฉันจำต้องมาอยู่ในร่างที่อ่อนแออย่างงี้ด้วยเนี่ย” คุณสถบอย่างอารมณ์เสีย แต่ว่าจะให้ทำเช่นไรได้ล่ะในเมื่อ ย้ายแล้วย้ายกลับก็มิได้ซะด้วยสิจ๊ะ แต่ว่าการย้ายร่างคราวนี้ก็ทำให้ร่างของมูด็อกกีหายตาบอดขึ้นมาเฉยๆแลเห็นชัดเจนด้วยเหตุว่าร่องรอยของการแปรเปลี่ยนวิญญาณได้เข้ามาอยู่ที่ลูกดวงตา แทนที่จะอยู่ที่อกข้างซ้อยเหนือหัวดวงใจอย่างผู้แปรวิญญาณผู้อื่นจุดเด่นของประเด็นนี้ก็คือ การตามหาตัวคุณเป็นได้ยากมากกว่าเดิม ไม่มีผู้ใดทราบดีว่ามูด็อกเป็นนักซูแปรวิญญาณมา

เนื่องจากว่าหาจุดสีฟ้าๆจุดนั้นไม่พบจ้ะ แม้กระนั้นมีคนเดียวที่คิดทราบตั้งแต่ทีแรกมองเห็นเป็น จางอุก นายน้อยจากเครือญาติจาง ที่ถูกบิดาปิดพลังเอาไว้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารก เขาผ่านคุณครูมาแล้ว 12 คนแต่ว่าไม่เคยได้ฝึกซ้อมวิชาอย่างเอาจริงเอาจัง เนื่องจากว่าคุณครูไม่คิดจะสอน จนได้เจอกับมูด็อกสองคนตกลงกันที่จะเป็นคุณครูและก็ลูกศิษย์ มูด็อกจะถ่ายทอดความรู้ให้เขา จะสอนให้เขาเป็นจอมเวทที่อดทนให้ได้ เวลาเดียวกันเมื่อเขาเข้มแข็ง คุณจะได้ยืมพลังจากเขามารู้สึกตัวพลังของตนเอง เนื่องจากร่างกายแบบบางนี้ อ่อนปวกเปียกอย่างมาก

และก็หมายมาดว่าเมื่อเข้มแข็งแล้วจะกลับไปฆ่าจอมเวทให้หมดสิ้น  ซีรีย์ Netflix    แล้วเรื่องราวต่างๆก็เดินต่อไปอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน เฟี้ยวฟ้าว สาดแสงสว่างแล้วก็มุ้งมิ้งในครั้งคราวหัวข้อนี้นอกเหนือจากผู้แสดงจะมากแล้ว สถานที่แล้วก็สำนักต่างๆในเรื่องก็มากด้วยสิ แบ่งเป็นสำนักต่างๆที่เด่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเองราวกับบ้านต่างๆในฮอกวอตส์ผสมรวมกับสำนักต่างๆจากมังกรหชูก็ไม่ปาน ซึ่งพวกเรารู้จักกันเพียงแค่ไม่กี่ที่ก็พอเพียงเอาที่หลักๆเริ่มจาก ‘ซงขอบ’ เป็นสำนักเวทสำนักใหญ่ของเครือญาติพัคที่มี ‘พัคจิน’ (ยูจุนซาง)เป็นหัวหน้าสำนัก

ลูกศิษย์จากหลายเครือญาติต่างเล่าเรียนวิชาเวทอยู่ที่สำนักนี้ เรียกว่า สำนักซงขอบจองจินกัก รวมทั้งที่ที่นี้เป็นเป้าหมายปองของดารานำชาย ต้องการจะเรียนตรงนี้อย่างยิ่งต้องการเป็นพวกซงขอบกับเขาบ้าง แม้กระนั้นเขาไม่ยินดีต้อนรับจ้ะ ทำไมนั้นเพียงแค่มองไปเพียงแต่ไม่กี่ตอนในเรื่องก็จะเบาๆเฉลยคำตอบให้มองเห็น แจ่มแจ้งเชียวถัดมาเป็น ‘ชอนบูกวัน’ สำนักนี้เป็นสำนักของเครือญาติจาง ก็ของบิดาผู้แสดงนำชายนั่นแหละจ้ะ โดยมี ‘จินมู’ (โจแจยอน) ด้อยกว่าหัวหน้าสำนักรักษาการแทนจางกังหัวหน้า

สำนักที่ทิ้งลูกและก็กระบี่คู่ใจเอาไว้แล้วหายไปไหนก็ไม่เคยรู้ จินมูเป็นลูกศิษย์เอกของบิดาผู้แสดงนำชายแล้วก็ได้รับการถ่ายทอดความรู้แปรวิญญาณมาอย่างลับๆเป็นคนสอนนักซูให้แปลงเป็นมือสังหารแม้กระนั้นเรื่องราวเหล่านี้ไม่มีผู้ใดทราบ อาจจะทราบแต่เพียงว่าเขาเป็นลูกศิษย์เอกได้ดูแลสำนักแทน มีฐานะเป็นคุณครูของรัชทายาทแล้วก็ได้รับความเชื่อถือจากพระมเหสี

 

Seoul Vibe ซิ่งทะลุโซล

หนังแอคชั่นฟอร์มใหญ่ที่ปีอีกประเด็นของประเทศเกาหลีในปีนี้ ที่นับว่าเพียงแค่ฟอร์มกลุ่มแคสติ้งผู้แสดงออกมานั้น ก็ยั่วยวนใจความพึงพอใจได้อยู่ไม่น้อย เพราะเหตุว่านี่เป็น “Seoul Vibe “ ที่ถือได้ว่าเป็นการผสมหนังอาชญากรรมแนวถนัดของประเทศเกาหลี รวมกับการประลองความเร็วสไตล์หนังเชื้อสายฟาสต์ แต่ว่าคำตอบที่ออกมานั้น..จะออกมาเป็นหนังฟาสต์ฉบับวัวเรียนได้หรือไม่

ประเทศเกาหลีใต้ปี 1988 ตรงกับขณะที่กรุงโซลได้รับมอบหมายให้เป็น ซีรีย์ Netflix   เจ้าภาพจัดแจงชิงชัยกีฬาโอลิมปิก ท่ามกลางความโหฬารวิจิตรตระการตาที่พสกนิกรต่างภูมิใจ อีกมุมหนึ่งยังมีการคดโกงคอร์รัปชันครั้งยิ่งใหญ่โยงใยไปสู่หน่วยงานระดับประเทศ อัยการเด็ดเดี่ยวผู้กำลังสืบร่องรอยก็เลยรวมกลุ่มนักซิ่งที่ต่างมีคดีประจำตัวอย่าง ซังกเยป่าซูพรีม ให้ทำภารกิจเปิดเผยกระบวนการฟอกเงินดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แลกเปลี่ยนกับการนิรโทษกรรมและก็ทำให้ความฝันสำหรับเพื่อการไปเริ่มชีวิตใหม่ยังอเมริกาของพวกเขาเป็นจริง

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนที่ผู้คนในกรุงโซลต่างทวีความระทึกใจในระยะเวลาไม่กี่วันก่อนใกล้จะถึงพิธีการเปิดการประลองกีฬาโอลิมปิกในปี 1988 นักซิ่งจากกลุ่มซางกเยป่าซูพรีมได้รับคำแนะนำที่ไม่บางทีอาจไม่ยอมรับ แล้วก็จะต้องเข้าไปพันพัวกับการพิสูจน์คดีเงินสินบนของบุคคลสำคัญ โดยมีสมาชิกมี ป่าอุค นักดริฟต์มือชั้นยอด, นักจัดรายการวิทยุจอห์น, บ๊กนัม คนนำทาง, ยุยงนฮี เจ้าที่การปลอมแปลงตัวบนจักรยานยนต์ แล้วก็ จุนกี แมคไกเวอร์ที่ซางกเยป่า ดำเนินการของพวกเขาเริ่มขึ้นแล้ว

หากว่า Seoul Vibe จะเป็นหนังที่สร้างมาเพียงแค่ลงหน้าจอสตรีมมิ่ง แต่ว่าจะต้องสารภาพเลยว่างานสร้างจริงๆๆด้วยเหตุว่าเห็นได้ชัดเลยว่าหนังได้ทุนสร้างหลายชิ้นเลย โดยหนังได้ “มุนฮยอนซอง” ผู้กำกับชายหนุ่มที่เคยแจ้งมาจากหนังดัง As One เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แม้กระนั้นยังไม่มีช่องทางได้เด่นสักครั้ง การได้ก้าวขึ้นมาจับจับทำหนังสเกลที่ใหญ่ๆขนาดนี้ ก็นับว่าทำเป็นน่าพึงพอใจตามมาตรฐาน ที่โชคร้ายหน่อยๆตรงที่หลายส่วนประกอบยังมองปกติและไม่ได้เด่นสักเท่าไหร่

ซีรีย์ Netflix คอนเซ็ปต์ของ Seoul Vibe จัดว่าได้ว่าออกจะน่าดึงดูดอยู่ โดยยิ่งไปกว่านั้นการใช้เบื้องหลังในตอนสมัยปี 1988 ของประเทศเกาหลีใต้ ที่ถือได้ว่าสมัยที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนในสังคมประเทศเกาหลีอีกปีนึงอย่างยิ่งจริงๆ ทั้งยังได้เป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิก และก็อัตราการคอร์รัปชันในสมัยนั้นออกจะสูงพอได้ เพียงแต่ว่าเมื่อหนังเอามาแต่งเป็นบทหนังออกมาแล้วนั้น ยังมองขาดๆเกินๆและก็ให้รสที่ยังอร่อยไม่สุดทางสักเท่าไหร่

เส้นเรื่องของ Seoul Vibe เสมือนจะมองสลับซับซ้อนรวมทั้งมีมิติประเด็น กลับถ่ายทอดออกมาได้ยังไม่ค่อยกลมกล่อมละมุนละไมสักเท่าไหร่ หนังยังขาดเสน่ห์บางสิ่งบางอย่างไปอย่างโชคร้าย พาร์ทการแข่งรถแข่งขันซิ่งต่างๆก็ทำออกมาให้รู้สึกเพียงแค่เฉยๆมิได้ละลานตาหรือรู้สึกว้าวอะไรอะไร บางครั้งก็อาจจะเป็นด้วยเหตุว่าหนังแนวนี้พวกเราได้มองเห็นกันมาหลายเรื่อง เพียงแค่หนังเครือญาติฟาสต์ก็มองกันไป 9 ภาคแล้ว มันก็เลยเป็นปัญหาที่ยากที่จะสร้างความไม่เหมือนได้

แน่ๆว่าหนังประเด็นนี้มีจุดเด่นสุดๆก็ตรงที่แคสตติ้งดาราชุดใหญ่  ซีรีย์ Netflix  บอกได้เลยว่ามีดารารับเชิญโผล่มาร่วมแจมมาก ระหว่างที่กลุ่มดาราหนังแต่ละคนก็จัดว่าเล่นได้ตามมาตรฐาน “ยูอาอิน” นำกลุ่มมาในหัวข้อนี้ ถึงเขาจะถูกวางตัวให้มาเป็นนางหามของหนังประเด็นนี้ แม้กระนั้นหน้าที่ในหนังก็มิได้ทำเขาเด่นกว่าคนใดกันอื่นเหลือเกิน แม้กระนั้นก็ยังมิได้กลืนไปกับเนื้อเรื่อง การแสดงของเขาก็ยังให้มาตรฐานระดับมือโปรที่ชี้ให้เห็นว่าจำเป็นต้องทำเช่นไร

ในขณะที่ผู้อื่นอย่าง “โกคยองพโย”, “อีกยูฮยอง”, “พัคจูฮยอน” และก็ “องซองอู” ก็นับว่าเข้ากันกับกลุ่มดาราร่วมกันได้ดิบได้ดี แต่ละค้างแรกเตอร์ที่เอกลักษณ์เฉพาะบุคคลรวมทั้งมาสร้างสีสันให้กับหนังหัวข้อนี้ได้อีกระดับ ถึงแม้แต่ละคนจะมิได้สร้างความสะดุดตาเท่าใด แม้กระนั้นก็ถือได้ว่าส่วนประกอบที่สร้างความดีเลิศให้กับหนังประเด็นนี้แล้ว

นอกเหนือจากนั้น ยังมีนักแสดงสมทบผู้อื่นที่นับว่าเป็นตัวจี๊ดพอได้ ไม่ว่าจะเป็น “คิมซองกยอน”, “จองอุงอิน”, “โอจองเซ” หรือ “มุนโซริ” ที่ถือได้ว่าศิลปินตัวท็อปรุ่นใหญ่ที่มาเสริมกองทัพความแข็งแรงในกับประเด็นนี้อย่างดีเยี่ยมด้วยเหมือนกันSeoul Vibe ก็ยังมีอีกสิ่งที่เด่นเช่นกัน ซึ่งก็คือการเก็บเนื้อหาโอบล้อมต่างๆของหนัง ที่นับว่ายังเป็นสิ่งที่กลุ่มผู้ผลิตจากประเทศเกาหลียังคงทำเป็นดีเหมือนปกติ หากว่าซีจีบางจุดบางครั้งอาจจะยังไม่เนียนมากมาย แม้กระนั้นการสนใจเรื่องโลเคชั่นแล้วก็สถานที่ถ่ายทำต่างๆจัดว่าทำการบ้านดี

ใส่เข้ามาถึงแม้ว่าจะแหล่งกำเนิดสูตรชงน้ำเมาประเทศเกาหลีในตำนาน ทั้งสามารถวางใจเรื่องคอสตูมรวมทั้งเมคอัปของดาราหนัง ที่จัดว่าเอาใจใส่ได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมสวยของผู้แสดง ที่เห็นได้ชัดๆว่างานละเอียดจากแฟชั่นปลายสมัยปี 80sดังนี้จำเป็นต้องเห็นด้วยว่าตอนฉากเปิดกับฉากปิดของ Seoul Vibe จัดว่าทำเป็นน่าประทับใจและก็น่าดึงดูดไม่น้อย แล้วก็เป็นจุดที่โอเคที่สุดของหนัง เวลาที่ตอนกลางทางของหนังนั้นออกจะจืดจางไปสักนิด กับรายละเอียดที่มองได้เพลิดเพลินๆยังให้อารมณ์แบบทีเล่นทีจริงไปสักนิดสักหน่อย โน่นก็เลยทำให้หนังประเด็นนี้เป็นหนังที่สนุกสนาน แม้กระนั้นยังค่อนข้างจะไม่มีเสน่ห์ที่ต้องมีอยู่ไปสักนิด

 

All the Money in the World

ในปี 1973 หลานชายของปู่ที่เป็นเจ้าของแอ่งน้ำมันที่มั่งมีที่สุดคนหนึ่งในโลก เป็นคนแรกที่ร่ำรวยเกินพันล้านในประวัติศาสตร์เลย ท่องเที่ยว ใช้เวลาพักส่วนตัวที่จาไมก้า ก่อนที่จะถูกลักพาตัวไป แล้วบิดามารดาของน้องจำเป็นต้องระดมทุนและก็หารายได้จากทั้งโลกเพื่อช่วยลูกชาย เพราะเหตุว่าปู่ของเขาไม่ยินยอมชำระเงินช่วยเรื่องราวที่ว่าเกิดขึ้นในปี 1973 เมื่อ จอห์น พอล เก็ตตี้ลำดับที่สาม (ชาร์ลี พลัมเมอร์) โดนจับไปเรียกค่าไถ่กลางเมืองโรม ประเทศอิตาลี รวมทั้งด้วยเป็นหน่อเนื้อสกุลเก็ตตี้ทำให้ เกล (มิเชลล์ วิลเลียมส์) แม่ของพอลบากบั่นทำทุกทางเพื่อหวังให้

จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ (คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์) ปู่มหาเศรษฐีสุดเย็นชา ซีรีย์ Netflix   ยอมแบ่งปันเงินมาจ่ายค่าไถ่ให้มิจฉาชีพแม้กระนั้นการจะกลับใจคนใจแข็งที่มองเห็นเงินดียิ่งกว่าหลานนั้นย่อมไม่ใช้ว่าจะง่ายโดยงานนี้เกลหวังพี่งพาได้เพียงแค่เฟลตเชอร์ เชส (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) สมัยก่อนหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาผู้ช่วยที่เก็ตตี้คนปู่หวังให้ไปพูดจาลดค่าไถ่จากขโมย

แน่ๆล่ะว่าการได้เรื่องราวเรียกค่าไถ่กระเทือนประวัติศาสตร์มาทำเป็นหนังย่อมมีความน่าดึงดูดใจในตนเองอยู่แล้ว แม้กระนั้นสิ่งที่ผู้กำกับอย่างริดลีย์ สก็อตต์ แต่งให้เรื่องราวมีไม่เหมือนกันจากหนังเรียกค่าไถ่อื่นๆก็ตรงที่การใส่เนื้อหารวมทั้งสร้างมิติให้นักแสดงทุกตัวด้วยภาษาภาพยนตร์จนกระทั่งเรื่องราวมองเหมือนจริงและก็แทบจะไม่มีผู้ใดเป็นวีรบุรุษหรือคนร้ายที่จริงจริงในเรื่องราวนี้ได้เลยสักคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งวางแบบสถานการณ์ห้อมล้อมผู้แสดงนักแสดงอย่าง จอห์น พอล เกตตี้ ซีเนียร์ ที่มีอีกทั้งความไม่แยแสรวมทั้งเปล่าเปลี่ยว

ซีรีย์ Netflix

ภายใต้บ้านข้างหลังใหญ่มโหฬารเต็มไปด้วยทรัพย์สินราคาเป็นอันมากกลับมีแสงสว่างเพียงแค่เล็กๆน้อยๆพอเพียงส่องให้เขามองเห็นเพียงแค่ค่าน้ำมันบนกระดาษเพื่อสะท้อนความเป็นคนมั่งคั่งที่หมดความไว้ใจและไม่เห็นค่าของคนเรา ทำให้ทั้งยังเรื่องนอกเหนือจากการที่จะจำต้องมานั่งลุ้นว่าเกลและก็เฟลตเชอร์จะช่วยพอลได้ไหม พวกเรายังจะต้องมาลุ้นให้ท่านปู่ขี้เหนียวยอมใจอ่อนแล้วก็มีมนุษยธรรมซักคราวซึ่งถือว่าเป็นการผลิตผู้แสดงที่เฉียบแหลมมากมาย ไม่เพียงเท่านั้นผู้แสดงฝั่งมิจฉาชีพอย่างสินควอนต้า (โรแมง มองริส)

ที่หากแม้บริเวณใบหน้าจะมองโหดร้ายแต่เปี่ยมความเอื้อเฟื้อจนกระทั่งเป็นเพียงแต่ทางออกเดียวของพอลท่ามกลางคนโฉดที่ลักพาตัวเขามาก็ยังสร้างอีกทั้งความขำขันและไม่น่าเชื่อถือให้กับเรื่องราวได้ลุ้นระทึกกันไปอีกขั้นอีกด้วยไม่เพียงเท่านั้น ริดลีย์ สก็อตต์ ยังสามารถควบคุมจังหวะจะโคนในแต่ละฉากให้ผู้ชมได้ลุ้นระทึกกันตลอดแถมยังลวงล่อผู้ชมกันไม่เว้นแต่ละซีน ทั้งยังการใช้โมครั้งฟหรือวัตถุกระตุ้นเรื่องอย่างรูปสลักที่ถูกวางให้เปลี่ยนเป็นของมีราคาในที่มาของเรื่องก่อนเรื่องจริงจะเผย

ซึ่งนอกเหนือจากการที่จะช่วยก่อร่างสร้างความระทึกให้กับเรื่องราวแล้วมันยังผลักดันกับธีมหลักของเรื่องอันว่าด้วยค่าที่มนุษย์ปั้นแต่งให้สิ่งต่างๆและก็ช่วยเปิดเงื่อนผู้แสดงในเชื้อสายเก็ตตี้ที่แทบจะมิได้ผูกพันธ์กันด้วยสิ่งใดเว้นเสียแต่เงินทองทรัพย์สินเพียงเท่านั้น แถมหนังยังมีจุดชวนขันอย่างความโง่เขลาโง่เขลาของโจรและก็ยังรวมทั้งจุดที่หลอกผู้ชมให้มั่นใจว่า พอล ไม่เป็นอันตรายแล้ว ก่อนที่จะแว้งกัดผู้ชมจนกระทั่งพวกเราไม่บางทีอาจคาดคะเนแนวทางของเรื่องราวได้อีก ซึ่งส่วนนี้คงจะจำเป็นต้องสรรเสริญ เดวิด สการ์ขว้าง มือเขียนบท The Last Castle (2001)

ซึ่งสามารถสรุปเรื่องราวจาก  ซีรีย์ Netflix   หนังสือบันทึกความจำสู่บทหนังตื่นเต้นครบรสอีกทั้งความสนุกสนานและไม่ด้อยด่าทอในทางการผลักดันและส่งเสริมให้คนกำเนิดพุทธิปัญญาในที่สุด แน่ๆล่ะว่าใครกันแน่ก็อาจจะต้องสรรเสริญ คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ ซึ่งสามารถสวม จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ ได้อย่างสุขุมและก็สามารถลักขโมยซีนได้ทุกฉากที่ปรากฎตัว โดยแทบกลืนรับประทานแล้วก็แปลงเป็นผู้แสดงมหาเศรษฐีใจแข็งได้อย่างเกือบจะไม่ต้องอุตสาหะ ถึงกระนั้นพวกเราก็ยังไม่อาจมองผ่าน มิเชลล์ วิลเลียมส์ ในบท เกล แม่ผู้บากบั่นทำทุกทางให้ได้ลูกกลับมา

ทั้งยังสีหน้าท่าทางแววตารวมทั้งการแสดงที่นำพาอารมณ์นักแสดงให้ผู้ชมได้ทราบสึกพังทลายตามคุณเมื่อใดก็ตามได้ยินเสียงโทรศัพท์ได้จริงๆจนกระทั่งบางเวลาปัจจัยที่มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ยอมบริจาคส่วนไม่เหมือนกับการถ่ายซ่อมแซมถึงหนึ่งล้านห้าแสนเหรียญเข้ากองทุนต้านทานการใช้ความรุนแรงทางเพศในชื่อมิเชลล์ วิลเลี่ยมส์ คงจะเพื่อทดแทนกับความไม่เป็นธรรมของค่าแรงที่เขาได้มากกว่ามิเชลล์เป็นร้อยเท่านั่นเอง

หนังที่ได้แรงผลักดันมาจากความเป็นจริงหนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 12 นาที ดูแลโดย Ridley Scott เป็นหนังที่ได้แรงดลใจมาจากความเป็นจริงที่เกิดสังกัดเชื้อสายเก็ตตี้ ที่หลานชายของเขา ถูกลักพาตัวไปจริงๆรวมทั้งปู่ของเขาก็ไม่ยินยอมจ่ายค่าไถ่จริงๆซึ่งได้รับความพึงพอใจจากสื่อในประเทศสหรัฐฯในยุคนั้้น ซึ่งหนังประเด็นนี้ได้ชิงรางวัลออสการ์มาถึง 9 รางวัล ถึงคดีเรียกค่าไถ่ที่มีปู่ขี้ตระหนี่สูงที่สุดในโลก ซึ่งเข้า Netflix แล้ว

เป็นหนัง 2 ชั่วโมงกว่าๆที่เล่าเรื่อยแต่ว่าข้างหลังมองจบจำเป็นต้องอุทานว่านี้มันบันเทิงใจเป็นบ้า มีหนังลักพาตัวไม่กี่เรื่องที่คนเขียนรู้สึกเห็นใจแล้วก็เห็นอกเห็นใจมิจฉาชีพขึ้นมา  ซีรีย์ Netflix   แม้ว่าจะกระทำตนชั่ว และไม่น่าเอาตัวอย่างก็ตาม และก็ ประเด็นนี้ ก็เป็นเยี่ยมในหนังไม่กี่เรื่องที่คนเขียนรู้สึกเห็นอกเห็นใจ เห็นอกเห็นใจขโมยจากใจจริง และก็คนเขียนมีความรู้สึกว่าหากนักเขียนเป็นมิจฉาชีพ คนเขียนอาจจะคิดแผนหาทางลักพาตัวปู่จอห์นมากยิ่งกว่าที่จะเป็นหลานชายที่ไม่เคยทราบอิโหน่อิเหน่ แถมบิดามารดายังขาดเงินจ่ายอีก

ก็เป็นหนังเนื้อดีที่มีเหตุผล การถ่ายรูปแล้วก็ส่วนประกอบในเรื่องจัดว่างามเสมือนเสพงานอาร์ตไปในตัว โลเคชันในเรื่องก็ดีแล้วมากมายๆด้วย ความถนัดการแสดงของผู้แสดงพูดได้ว่าโคตรเรียล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาขี้ตระหนี่ๆโลกนี้มีแม้กระนั้นเงินของผู้ที่มารับแสดงเป็นคุณปู่จอห์นเลย ทั้งยังในช่วงเวลาที่พวกเราทุกข์ยากลำบากผู้เดียวที่เป็นห่วงพวกเราจากใจจริงๆก็อาจมีแม้กระนั้นแม่ของพวกเรา รู้สึกได้ถึงพลังความรักอันยิ่งใหญ่ของคนเป็นแม่ที่อยากได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคุ้มครองป้องกันลูกชายผู้เดียวของตนจากหนังประเด็นนี้เลย

หนังโดนจับตามองในวงกว้าง  ค่าย สล็อต  ตั้งแต่การเลือกเสนอเอาเรื่องราวจริงของคดีเรียกค่าไถ่ที่โจษจันที่สุดในประวัติศาสตร์มาเผยแพร่ รวมทั้งการตัดสินใจของ Ridley Scott (ผู้กำกับ Alien, Blade Runner, Gladiator, The Martian อื่นๆอีกมากมาย) ที่กล้าลงทุนถอด Kevin Spacey (จาก American Beauty, Baby Driver อื่นๆอีกมากมาย) ออกมาจากหนัง เพราะว่าข่าวสารฉาวโฉ่กรณี Sexual Harassment ในขณะที่หนังถ่ายทำเกือบจะเสร็จสิ้นแล้วKevin Spacey เป็นตัวละครนำสำคัญของเรื่อง เป็นเล่นบทเป็น J. Paul Getty (อภิมโหฬารมหาเศรษฐี ที่มั่งคั่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก)

โดยผู้ที่มาแทนที่เขา เป็นต้นว่า Christopher Plummer (ดาราหนังผู้ครอบครองรางวัลออสการ์ที่แก่ที่สุดในโลกจากผลงานเรื่อง Beginners)มีฉากของ J. Paul Getty อยู่ไม่น้อย แถมแต่ละฉากล้วนสำคัญต่อการเดินเรื่องแล้วก็เส้นเรื่อง แต่ว่าแม้กระนั้น Ridley Scott ไม่เลื่อนระบุวันฉาย ทำให้เขา คณะทำงาน รวมทั้งสองผู้แสดงนำฝ่ายอย่าง Mark Wahlberg (จาก TheFighter, Patriots Day อื่นๆอีกมากมาย) แล้วก็ Michelle Williams จะต้อง reshoot ให้ทันด้านใน 6 อาทิตย์ (แต่ว่าปู่ Plummer ถ่ายซ่อมแซมจริงๆเพียงแค่ 10 วันนะ) ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ท้ารวมทั้งเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นอย่างยิ่ง